สำหรับบทก่อนหน้า สามารถติดตามได้ตามนี้
บทที่ 1 ข้อมูลเบื้องต้นของประเทศจีนและเส้นทางสายไหม https://jawarajtours.com/ท่องเที่ยวเส้นทางสายไห
บทที่ 2 หลานโจว http://jawarajtours.com/ท่องเที่ยวเส้นทางสายไห-2/
หลังจากใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-3.5 ชั่วโมงจากหลานโจวก็ถึงเมืองจางเย่ อดีตเมืองโอเอซีส ขอบแผ่นดินจีนยุคโบราณอยู่ในมณฑลกานซู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน คำว่า จางเย่ แปลว่า การขยายดินแดนออกไปไกล จางเย่เป็นเมืองสำคัญบนเส้นทางสายไหมโบราณเป็นจุดแวะพักของขบวนคาราวานพ่อค้าในสมัยก่อนที่จะเดินทางไปค้าขายกับประเทศในยุโรป
มณฑลกานซู่ที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือสุดของจีน เริ่มมีภูมิประเทศและอากาศเปลี่ยนเป็นแห้งแล้งมากขึ้นเรื่อยๆเริ่มกลายเป็นภูเขาและเนินเขาสีน้ำตาลเหลือง แม้จะมีแซมด้วยต้นไม้ใบหญ้าก็น้อยลงเรื่อยๆ ไม่สามารถทำให้ความแห้งแล้งเบาบางลง จะปลูกต้นไม้มากร่มรื่นได้เฉพาะในเมืองและแหล่งโอเอซีส
สำหรับจุดท่องเที่ยวแห่งแรกในเมืองนี้ คือ วัดพระใหญ่พันมือ หรือวัดต้าฝ่อซื่อ (Dafo Temple) สร้างในปีค.ศ. 1098 วิหารใหญ่เป็นวิหารไม้ ศิลปะสมัยซีเซียะ ภายในวิหารใหญ่แห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปปางไสยาสน์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ใหญ่สุดในจีน เวลาดูทางปลายเท้าคล้ายหลับตา เมื่อเดินมาดูตรงๆหน้าจะเห็นคล้ายลืมตานิดๆนอกจากนี้วิหารใหญ่แห่งนี้ยังเป็นวิหารไม้ครอบพระพุทธรูปใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของเอเซีย นอกจากนั้นภายในวัดยังมีพระพุทธรูปและพุทธศิลป์มากมาย ท่ามกลางความร่มรื่นของต้นไม้พันธุ์ต่างๆ

หลังจากนั้นเดินทางไปรับประทานอาหารเย็นที่ภัตตาคารแล้วนั่งรถบัสไปค้างคืนที่โรงแรม Qianxi Silu International Hotel พักผ่อน
วันรุ่งขึ้น หลังรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมแล้ว ก็ออกเดินทางไปที่อุทยานแห่งชาติจางเย่ ใช้เวลานั่งรถบัสประมาณชม.ครึ่ง ซึ่งอุทยานแห่งชาติจางเย่อยู่ทางเหนือของเทือกเขาฉีเหลียง (Qilian Mountains) ระหว่างเขตปกครองตนเองชนชาติยู่กู้ ซู่หนาน และเทศมณฑลหลินเสอ พื้นที่หลักของอุทยานอยู่เขตเมือง Kangle และ Baiyin อุทยานครอบคลุมพื้นที่ 322 ตารางกิโลเมตร ปีคศ. 2005 ได้รับแต่งตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติเมืองจางเย่ (Zhangye National Geopark) และได้รับโหวตเป็นที่ท่องเที่ยวสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในจีนระดับ A5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด

อุทยานแห่งนี้มีชื่อว่าอุทยานธรณีแห่งชาติจางเย่ตันเสียตี้จือกงหยวน หรือรู้จักกันว่าเขาสายรุ้งตันเสีย (Danxia Landform) เป็นแนวเขาที่มีลวดลายเป็นริ้ว ประกอบด้วยหินทรายและแร่ธาตุต่างๆ ที่เกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกเมื่อ 24 ล้านปีก่อน ลมและฝนใช้เวลานับพันๆ ปีกัดเซาะแนวเขาจนเกิดภูมิประเทศที่กว้างใหญ่ไพศาลมีสีสันต่างๆ สลับกันเป็นริ้วคล้ายรุ้งสุดแสนจะสวยงามอย่างมหัศจรรย์ จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกเมื่อค.ศ. 2010 ปีค.ศ. 2011 ได้รับแต่งตั้งเป็นอุทยานธรณีวิทยาแห่งชาติ ทุกวันนี้มีการสร้างทางและบันไดขึ้นเขาบางลูกที่มีความสวยงามมากหลายเขาเพื่อให้ขึ้นไปสัมผัสความงามได้สะดวก การเห็นตลอดเส้นทางเดินและนั่งรถอุทยานไปจุดต่างๆ นั้นว่าสวยแล้ว พอขึ้นไปแต่ละจุด นอกจากสวยตระการตาแล้ว ยังรู้สึกมหัศจรรย์ในความสวย ซับซ้อนของธรรมชาติ ตื่นตาตื่นใจ ลืมความเหนื่อยจากการเดินทางไกลสิ้นเชิง ริ้วเขาโทนสีแดงเป็นหลักสลับกับเหลืองอำพัน เขียวมรกต เป็นคลื่นภูเขาทรายดูดั่งสายรุ้งดุจมณีหลากชนิดทั่วพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล แทบลืมหายใจ ไม่เชื่อว่าอยู่ในความฝัน แต่ช่วงที่มาไม่สวยมาก เดือนที่เขาสวยสุดสีสันเข้มจะอยู่ที่เดือนมิถุนายน

หลังจากออกจากอุทยานนั่งรถบัส ก็เข้าเมืองไปรับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคารก้านโจว เสร็จแล้วนั่งรถบัสไปอีก 3 ชั่วโมง แวะให้เข้าห้องน้ำ 2 จุด ห้องน้ำสาธารณะจุดต่างๆ ของจีนดีขึ้นมาก จะมีประตูเป็นห้องๆ มีห้องโถส้วมสำหรับคนพิการและชราอยู่ที่ละ 1-2 ห้อง นอกนั้นเป็นโถส้วมติดพื้นใช้เท้ากดน้ำ พอใช้ได้แต่ต้องเลือกห้องหน่อย เพราะคนจีนบางคนยังติดนิสัยไม่ราดส้วม
ตลอดทางก็ยิ่งดูแห้งแล้งมากขึ้น เต็มไปด้วยกังหันลมผลิตลมมาเป็นไฟฟ้าใช้ทั่วไปจนถึงเซี่ยงไฮ้ จนเข้าเมืองเจี่ยยี่กวน จุดหมายปลายทางต่อไปในทริปนี้
ติดตามบทต่อไปได้ที่นี่ http://jawarajtours.com/ท่องเที่ยวเส้นทางสายไห-4/
ผู้แต่ง: พญ. รุจิรา สุริยวนากุล