สำหรับบทก่อนหน้า สามารถติดตามได้ตามนี้
บทที่ 1 ข้อมูลเบื้องต้นของประเทศตุรกี
บทที่ 2 อิสตันบูล ภาค 1
บทที่ 3 ชานัคคาเล่
บทที่ 4 เดนิซลี
บทที่ 5 คอนย่า
หลังจากเดินทางมา 4 ชั่วโมง ก็มาถึงเมืองที่เป็นไฮไลต์สำคัญอีกแห่งหนึ่ง คือ คัปปาโดเกีย ตั้งอยู่ทางตะวันออกของอานาโตเลียในบริเวณตอนกลางของประเทศตุรกีปัจจุบัน เนื้อที่ของภูมิภาคที่ราบสูงที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,000 เมตรและเต็มไปด้วยยอดภูเขาไฟและหินทูฟา ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดำโลกเมืื่่อปี ค.ศ.1985
เมื่อมาถึงก็ต้องนอนหลับพักผ่อน และภาวนาให้ลมไม่แรง อากาศดี เพราะว่าเช้ามืดจะต้องไปทำกิจกรรมที่สำคัญอย่างหนึ่ง คือ การขึ้นบอลลูน นั่นเอง เพื่อจะได้ชมวิวทิวทัศน์ของเมืองคัปปาโดเกียพร้อมกับบอลลูนนับร้อยลูก ในช่วงดวงอาทิตย์ขึ้น ใช้เวลาในการเก็บเกี่ยวบรรยากาศประมาณ 1 ชั่วโมง (แต่ใช้เวลาทั้งกิจกรรมร่วม 3 ชั่วโมง) และจะได้รับใบประกาศนียบัตรด้วยว่าเคยได้มาขึ้นบอลลูนที่คัปปาโดเกียแล้ว
ต่อจากนั้นไปยังนครใต้ดินชาดัค ถือเป็นสถานที่หลบภัยของชาวโรมันจากกลุ่มออตตามันเมื่อกว่า 2,000 ปีก่อนคริสตกาล ภายในมีทั้งโบสถ์ โรงเก็บไวน์ บ่อน้ำ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องโถง และอื่นๆ ที่ยังสำรวจไม่เสร็็จอีกด้วย
เดินทางต่อไปยังหุบเขานกพิราบ จุดชมวิวบริเวณหน้าผาที่ชาวเมืองโบราณได้ขุดเจาะเป็นรูเพื่อให้นกพิราบเข้าไปทำรังอาศัยอยู่ ซึ่งชาวบ้านก็จะนำมูลนกมาทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์
เดินทางต่อไปยังปล่องไฟนางฟ้า เป็นกลุ่มเขารูปกรวย ซึ่งในแต่ละเขาก็มีคนอาศัยภายใน หรือเปิดเป็นโรงแรมถ้ำก็มี
เดินทางต่อไปยังหมู่บ้านอวานอสจัด หมู่บ้านเก่าแก่ที่โดดเด่นเรื่องของเครื่องปั้นดินเผา และงานปั้นต่างๆ สังเกตได้จากร้านค้าต่างๆ ที่ส่วนใหญ่เป็นเครื่องปั้นดินเผา และมีรูปปั้นอยู่ไม่น้อย ใกล้ๆ เป็นสวนสาธารณะริมแม่น้ำ ต้องเดินข้ามสะพานแขวนข้ามไป
จบการเดินทางไปนอนหลับพักผ่อน ก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะเดินทางไปยังเมืองต่อไป แต่ระหว่างทางยังแวะอีกที่หนึ่ง คือ ทะเลสาบเกลือ เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับสองตุรกี แต่ปัจจุบันได้แห้งไปหมดแล้ว เหลือเพียงแต่เกลือที่คงค้างอยู่ และที่นี่ก็มีเกลือที่ผลิตจากที่นี่ขายอีกด้วย
หลังจากไปเหยียบเกลือที่ทะเลสาบเกลือนี้แล้ว ก็เดินทางต่อไปยังเมืองต่อไป
ติดตามบทต่อไปที่ บทที่ 7 อังการา